8 สิ่งที่ ได้เรียนรู้จากการทำงานเป็นลูกจ้างมานาน เตือนสติได้ดี
1 โดนด่ าวันนี้ ดีกว่าโดนด่ าตอนอายุ 50
ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหวังจากคน รอบข้างมันเลยน้อยตาม
ไปด้วยถึงแม้ว่าเรา จะรู้สึกกดดันในการทำงาน สุดๆแต่เชื่อเถอะ
เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆ ที่เขาอยู่จนถึง
50-60 ก็ ผ่ า น ช่วงเวลา แบบเรามาแล้ว สิ่งที่ อ ย า ก จะแนะนำคือ
ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆ ตลอดไป อ ย า ก ทำอะไรทำ
อ ย า ก ถามอะไรโง่ๆ ก็ให้รีบถามพรีเซ้นแล้ว มันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆ
ฝึกไปเรื่อยๆโดนด่าตอนนี้ เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 เยอะ
ถึงแม้จะผิดพลาด ด้วยความยัง เ ด็ ก และ อ่อน ประสบการณ์
คนส่วนใหญ่พร้อม จะให้อภัยเราเสมอ เพราะฉะนั้น
ล้มเหลวเยอะๆ เพื่อเก็บเกี่ยว ประสบการณ์
2 เล่นก า ร เ มื อ งกับทุกคน
เดี๋ยวก่อน อ ย่ า เพิ่งตกใจไป เล่นการเมือง กับทุกคนไม่ได้
หมายความว่า ให้เราไม่ต้องจิรงใจกับใคร แต่หมายความว่า
เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด อ ย่ า งที่รู้กันว่าในออฟฟิศ หลายๆที่มีการเล่น
พรรคเล่นพวกหรืออยู่ๆ ก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้ เ ด็ ก คนนั้น
ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุ มาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง
มากๆส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆ แต่เล่นเค้าไว้เยอะ
นี่ห้ามเพลี่ยงพล้ำเลยนะ มีคนรอซ้ำเยอะเลย เล่นการเมืองกับทุกคน
ในความหมายนี่คือการที่เรา ดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้ อ ย่ า ง ไร
ไม่ได้บอกว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือฝืนตัวเองแต่แต่ละคน เขาก็มีพื้นฐานนิสัย
ความชอบโตมาในสังคม ที่แตกต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ
อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร ได้ อ ย่ า ง ไรจะทำ ให้เราได้เปรียบมากๆ
นอกจากวางตัวง่าย แล้วเราจะไม่มีศัตรู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้ว
ไม่ถูกจริตกันการวางตัว กับเขาก็คือเฉยๆ ทักทายสวัสดีตาม ม า ร ย า ท
ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ ต้องคุยเราไม่รู้หรอก ว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยง
เราเข้าไปทำงานกับใคร เพราะฉะนั้น อ ย่ า สร้างศัตรูเด็ดขาด
ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคตอาจได้โครจร มาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้
3 โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา สนใจ ใส่ใจ แต่ อ ย่ า เก็บลู่วิ่งคนอื่นมาอิจฉา
ช่วงปีที่ ผ่ า น มานี้เพื่อนเรา หลายคนเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว
บางคนเปลี่ยนงานไปงาน ที่เงินเดือนสูงสุดๆ บางคนเริ่มธุรกิจ
ของตัวเองบางทีเรา เลื่อนดูหน้าเฟสแล้ว ก็แอบคิดนะว่า
เฮ้ยคนนั้นคนนี้ ได้ดิบได้ดีแล้วตัวเรา ล่ะทำอะไรอยู่
แต่บอกเลยว่าชีวิต พวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่า เราหรอกเผลอๆ
เพื่อนหลายคนอาจ จะกำลังอิจฉา ชีวิตเราอยู่ก็ได้เคยมีคน
เดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะคือ ตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลย
ว่าชีวิตเราดีสิ่งที่เรา คัดกรองโพสต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี
จงจำไว้ว่า อ ย่ า เอาจังหวะ ชีวิตของเราไป เปรียบเทียบกับคนอื่น
โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าปลายทางเรา
ต้องการอะไรรู้ว่าวันนี้ เราทำดีกว่าเมื่อวานแล้ว หรือยังก็เพียงพอแล้ว
แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้าง เป็นบางครั้งเพื่อเป็นแรง กระตุ้นให้เราจริงจัง
กับชีวิตมากขึ้น แต่ อ ย่ า เก็บมาใส่ใจ จนเป็น ทุ ก ข์ พอ
4 เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน อ ย่ า ง เดียว
เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ ทุกวันหลายครั้งที่ เรากลับไปบ้านแล้ว
อ ย า ก จะลาออก มันซะเดี๋ยวนั้นแต่ถ้าเรา มีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต
เช่น วิ่งมาราธอน ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท
การเปลี่ยนโหมดมา ทำเรื่องที่เราชอบจะ ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
และเพิ่มความมั่นใจ เพราะการเฟลจาก ที่ทำงานส่วนมาก
มักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความ มั่นใจในตนเอง
สำหรับเรามันส่งผล ถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน
และอีกมากมายยกตัว อ ย่ า ง มีเพื่อนคนนึงชอบ ตัดเย็บเสื้อผ้ามาก
จริงจังขนาดลงคอร์ส เรียน เ ส า ร์ อาทิตย์ ตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย
ตัดเสื้อผ้า ข า ย ไปด้วย จนตอนนี้เปิดร้าน ข าย ออนไลน์
สร้างเป็นอาชีพเสิรม ที่มีรายได้มากกว่า งานประจำไปละ
5 หัวหน้าก็คนนะรู้ยัง
สำหรับมนุษย์เงินเดือน ตัวจ้อย อ ย่ า ง เรา สิ่งที่พวกเรายำเกรง
ที่สุดในที่ทำงานก็คง จะหนีไม่พ้นเจ้านาย คนที่เป็นหัวหน้างานเอง
ก็มีนิสัยแตกต่างกันไป อ ย่ า ง ตัวเราเคยเจอทั้ง ที่แบบขึ้นชื่อว่า
โ ห ด สุ ด ๆ ทำงานหนักไปจนถึงวันๆ ไม่ทำการทำงาน
คอยสั่งคนนู้นทีคนนี้ที แต่พอได้มองดู ดีๆ เราก็พบว่า
เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า แต่คนๆ นี้มันจะมาบ่นว่า ข ี้เกียจตื่น
หรือโดนนายสั่งงานเยอะ ไม่ได้ไงเพราะอะไรน่ะ เหรอนอกจาก
จะโดนหัวหน้าของ เค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้
ความเคารพด้วย หนำซ้ำอาจจะพาลกัน เสียระบบการปกครองทั้งทีม
ถ้าให้แนะนำก็ อ ย า ก จะบอกว่า พ ย า ย า ม เข้าใจเค้าดีกว่าว่า
เค้าก็เป็นมนุษย์ อ ย่ า ง เราๆ นี่แหละ เป็นคนดีบ้างคนไม่ดีบ้าง
นิสัยก็แตกต่างกันบ้าง เป็นเรื่องปกติ อ ย่ า มองว่าเรากับ เค้าอยู่คนละขั้วกัน
อ ย า ก ให้มองในมุมที่ว่า ถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ไหน
ไปส่งละจริงๆ หัวหน้าเลิกงานก็ อ ย า ก กลับบ้านไปเจอครอบครัว
ไม่ได้ อ ย า ก อยู่ดึกๆ ให้คนที่บ้านเป็นห่วง หรอกเวลาว่าง
ก็ไม่ได้ อ ย า ก ทำงาน ก็ อ ย า ก ไป เที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ
แต่แค่ออกหน้าพูดมาก แบบเราไม่ได้ตำแหน่ง มันค้ำคอลองคิดดู
แค่เรานำเสนองาน กับหัวหน้าก็เกร็งจะแย่ นี่เค้าต้องเอางานเรา
ไปนำเสนอกับ หัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคน
ไหนที่ช่วยแบ่งเบาภาระ เค้าได้เยอะเค้าก็จะ รักคนนั้นเป็นธรรมดา
6 หาคนที่เป็นมากกว่า เพื่อนร่วมงาน ให้เจอ แล้วจะ อ ย า ก ไปทำงานมากขึ้น
ความแตกต่าง ระหว่างเพื่อนกับ เพื่อนร่วมงานคืออะไร
ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อน ย า ก ก็คงจะจริง สมัยประถม
การหาเพื่อนใหม่ ไม่ ย า ก เท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อน
ในสมัยมัธยมก็ไม่ อ ย า ก เท่า ตอนเข้า ม ห า วิ ท ย า ลั ย มันแปลว่า
ยิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อน ย า ก ขึ้นเท่านั้น
และไม่ต้องบอกเลยว่า การหาเพื่อนที่จริงใจ คนนึงในออฟฟิศ
มัน ย า ก แค่ไหนนอกจาก จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่งเงินเดือน
การประเมินเข้ามาเกี่ยว ด้วยหน้าที่หลัก ของมนุษย์เงินเดือน
อ ย่ า ง เราคือไปทำงาน ไม่ได้ไปทำ กิ จ ก ร ร ม สานสัมพันธ์หาเพื่อน
ดังนั้นวันๆเราจึงจะเจอแค่ เพื่อนร่วมทีมซึ่งส่วนใหญ่ แล้วก็เป็นการคุย
กันแค่เรื่องงานเท่านั้น เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนตัว
และเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงาน
ในคราวเดียวกันการมีทีม ที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจ แบบนี้เราคิดว่ามันคือ
กำไรชีวิต พ ย า ย า ม หาคนเหล่านี้ ให้เจอในสังคมการทำงาน
แล้วเราจะ อ ย า ก ไป ทำงานมากขึ้น นิดนึงก็ยังดี ไม่จำเป็นต้องอยู่
ทีมเดียวกันก็ได้แค่ ได้พบเจอพูดคุยแลกเปลี่ยน ความเซ็งก็ดีแล้ว
ให้เราลองถามตัวเองว่า ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะ อ ย า ก นัดคนนี้
กินข้าวอยู่ไหมถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วยคุณเจอเพื่อนจริงๆ ในที่ทำงานแล้ว
7 อ ย่ า เป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกออนไ ล น์
หลายคนเชื่อว่า โลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโพสต์อะไรมันก็สิทธิ์
ของเราแต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกจากจะดู resume เราแล้ว
ยังดู เฟสบุคของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media
บอกความเป็นตัวตน ที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า
เห็นไหมว่าตัวตนบน โลกออนไลน์ของเรานั้น มีผลกับเราตั้งแต่ก่อน
เข้า งานซะอีกเมื่อเราเป็น มนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง
อ ย่ า ง เราคือไม่แตะ เฟสบุ้คเลย หรือถ้าจะโพสต์ แ ช ร์ อะไร ก็คิดแล้วว่า
ถ้าหัวหน้ามาเห็น ก็ไม่เป็นไร ถ้า อ ย า ก มีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ
แนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับเฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย
เพราะส่วนมากคนใน ที่ทำงานเค้าก็ขอ แอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่า
ในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้า งี่ เ ง่ า ห้ามโพสต์
เด็ดขาดโพสต์ปุ้บ มีคนแคปปั้บแน่นอน เตือนแล้วนะ
8 จงเป็น ลูกจ้างมืออาชีพ
สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลยถ้า อ ย า ก ประสบความสำเร็จ และมีความสุข
จงเป็นลูกจ้า งมืออาชีพให้ได้ พูดง่ายแต่ทำ ย า ก นะ
เพราะลูกจ้างมืออาชีพ ก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า เราถูกจ้าง
มาด้วยค่าตอบแทน จำนวนหนึ่งนั่นหมาย ความว่าบริษัทเค้า
ต้องการอะไรบาง อ ย่ า ง จากเราแลก กับค่าตอบแทนนั้นๆ
เราต้องรู้ว่าบริษัทจ้าง เรามาทำอะไร และทำมันให้ดีกว่าที่บริษัท
คาดหวังหากต้องการ ความก้าวหน้าในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่รู้สึกว่า
ไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเราก็ไม่ควร อดทนทำไปควร
จะหางานที่เราทำแล้ว เรามีความสุข และทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพ
ของตัวเองออกมาให้มากที่สุด นอกจากจะทำให้ เราเติบโตในองค์กรแล้ว
ยังทำให้เราพัฒนาตัวเอง อยู่ตลอดเวลา และไม่เบื่อด้วยเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง
เราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงาน ที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
แล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก
จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ถ้าในที่สุด เราเจอสายอาชีพที่เรารักและ อ ย า ก ทำ
จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก และด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน เราถูกจ้างมาด้วย
ค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง อ ย่ า ทำงานหนักเกินกว่า ค่าตอบแทนจนเกินไป
ทุ่มเทได้แต่มีผลลัพธ์ ที่ดีตามออกมาด้วย เช่นได้ปรับเงินเดือน
ได้ประเมินดี หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ญาติๆบ้าง หันกลับไปมองข้างหลัง
บ้างว่าคนที่ เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้างนะ
อ ย่ า ลืมว่าพ่อแม่อายุเพิ่มขึ้น ทุกวันดูแลสุขภาพ ท่านด้วยถ้าเดือนไหน
มีเงินเหลือก็ตรวจสุขภาพ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก
แลกกับความสุขของพ่อแม่ ขอบคุณทุกท่านที่ทน อ่านกันมาจนถึงตรงนี้อีกครั้ง
และ ขอให้ชีวิต มนุษย์เงินเดือน ของทุกท่านเต็ม ไปด้วยเรื่องราวสนุกๆ
ตื่นเต้น เจอแต่เพื่อนร่วมงานดีๆ ได้ลูกค้าน่ารัก ได้โบนัสตามที่หวังไว้
ขอขอบคุณที่มา จาก p a n t i p ส ม า ชิ กห ม า ย เ ลข 1 2 0 1 1 4 3, sabaidmai