Home แนวคิดชีวิต เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก ขายดีแต่เจ๊ง ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก ขายดีแต่เจ๊ง ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

6 second read
0
1,470
เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก ขายดีแต่เจ๊ง ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก ขายดีแต่เจ๊ง ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

สังคมแห่งการแก่งแย่งชิงดี มีให้เห็นอยู่มากมาย รอบตัวในยุคปัจจุบัน ยุคที่ทุกคนต่างเห็นผลประโยชน์ตัวเอง มากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ เรียกสั้นๆว่า เห็นแก่ตัว มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เปรียบเทียบไว้ว่า

เรื่องเล่าปั้มน้ำมันร้าง มีอยู่ว่าคน ไ ท ย คนแรก เดินทางมาถึง ห มู่ บ้านห่างไกล แถวนี้มีถนนตัด ผ่ า น รถสัญจรไปมามากมาย แต่ไม่มีปั้มน้ำมันเลย จึงตัดสินใจลงทุนเปิดปั๊มน้ำมัน ไม่นานนักก็มีลูกค้าเยอะตามคาด

คนที่สอง เดินทางมาเห็นปั๊มน้ำมันมีลูกค้าเข้าใช้เยอะดี ก็เลยตัดสิ้นใจเปิดปั้มที่ฝั่งตรงกันข้ามถนน เพื่อเรียกลูกค้าอีกฝั่ง คนที่สาม เดินทางมาถึง เห็นเขาเปิดปั๊มน้ำมัน ท่าทางจะไปได้ดี ก็เปิดบ้าง แต่ไปเปิดดักหน้าปั้มที่เปิดอยู่ก่อน

คนที่สี่ เดินทางมาถึง เห็นธุรกิจปั้มน้ำมันไปได้ดี ก็เลยตัดสินใจเปิดปั๊มน้ำมัน แต่ต้องการแย่งลูกค้าเลยเปิดดักหน้าปั้มที่สาม แล้วก็ลดราคาน้ำมันลงอีกด้วย เพื่อตัดราคา คนที่ห้า เดินทางมาถึง เห็นเขาเปิดปั๊มน้ำมันกันเยอะแยะ

ก็เอาบ้าง แล้วมีการลดแลกแจกแถมเพื่อดึงดูดลูกค้า คนที่หก คนที่เจ็ด เดินทางมาถึงก็พากันแห่เปิดปั๊มน้ำมัน ผลสุดท้ายลดแลกแจกแถมแล้ว ไม่คุ้มทุน ตลาดเสียหายทุกราย เจ๊งกันหมดกลายเป็นปั๊มร้าง

ห มู่ บ้านก็กลับคืน สู่ความเงียบเหงาเหมือนเดิม เห็นใครขายอะไรได้ดี ทำอะไรกำไรงาม ก็พากันไปขายแข่ง นี่แหละสาเหตุ ขายดีจนเจ๊ง แต่ มีชาย ญี่ ปุ่น คนแรก เดินทางมามาถึง ห มู่ บ้าน ที่ห่างไกลความเจริญ

ยังไม่มีปั้มน้ำมันจึงลองเปิดปั๊มน้ำมัน ในถนนเส้นนี้ ปรากฏว่ามีลูกค้าเยอะแยะ คนที่สอง เดินทางมาเห็นมีคนเข้ามาเติมน้ำมันกัน อ ย่ า คับคั่ง คิดว่าน่าจะมีคนที่ อ ย า ก ทานข้าวด้วยแน่ จึงเปิดร้านอาหาร ธุรกิจก็เป็นไปด้วยดี

คนที่สาม เดินทางมาเห็นปั๊มน้ำมันผู้คนหลากหลาย ร้านอาหารก็มีลูกค้ามากมาย คิดว่าน่าจะมีคนต้องการ พักผ่อนระหว่างเดินทาง จึงเปิดธุรกิจโรงแรมคนที่สี่ เดินทางมา เห็นผู้คนหลากหลาย มีทั้งเติมน้ำมัน มีทั้งร้านอาหาร

มีทั้งที่พัก จึงคิดว่าน่าจะมีร้านสะดวกซื้อด้วย เผื่อคนเดินทางมีอะไรขาดเหลือ คนที่ห้า คนที่หก เดินทางทางมาอย่ างต่อเนื่อง จาก ห มู่ บ้านเล็กๆ ก็กลายเป็นเมื่องที่กำลังเฟื่องฟู ทุกคนต่างก็ร่ำรวย มีงานมีการทำกันถ้วนหน้า

ไม่ได้ว่าสังคมเราไม่ดี หรือต้องการดูถูกกันเอง แต่ อ ย า ก ลองเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ธุรกิจที่ดีไม่ได้อยู่ที่คุณชนะคู่แข่งไ ด้มากเท่าไหร่แต่อยู่ที่เกิดการพึ่งพาอาศัยกัน ไม่แก่งแย่ง ไม่เอาเปรียบ

ไม่ตัดกำลัง ไม่ตัดราคากัน สุดท้ายอยู่ไม่ได้ทั้งสองฝ่ายแต่ขึ้นอยู่กับว่า สามารถยืนระยะได้นานเท่าไร เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมมากที่สุดได้ช่วยเหลือผู้คนให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นได้มากเท่าไหร่ต่างหาก

ด้วยแนวคิดนี้สินค้าท้องถิ่นในประเทศ ญี่ ปุ่ น จึงประสบความสำเร็จอันดับต้นๆของโลก หากใครเคยได้ไปเที่ยวจะเห็นได้ว่า ในแต่ละท้องถิ่นสินค้าไม่มีซ้ำกันเลย มีขายเฉพาะท้องถิ่นตัวเอง

หันมามองที่บ้านเรา ที่ริมถนนสายหลักจะเต็มไปด้วย โรตีสายไหม ปลาเผา ไก่ ย่ า ง สินค้าอื่นๆที่เห็นว่าขายดีทุกๆ ร้าน จะนำมาขายเหมือนกันหมด เพื่อแย่งลูกค้ากันไม่แปลกที่แรกๆจะขายดี แต่พอมาขายแข่งกันมากขึ้น

มีคนขายมากกว่าคนซื้อ แย่งลูกค้ากัน ก็ต้องเจ๊งกันไปตามระเบียบของเหลือ เอามาขายซ้ำ คุณภาพแย่ลง ลูกค้าก็ไม่กล้าอุดหนุนสุดท้าย ถ้าไปไม่รอดก็ต้องเลิกกิจการ หันไปเป็นลูกจ้างแทน

ขายที่ดิน ขายมรดก บรรพบุรุษ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจะเกิดอะไรขึ้น กับคุณภาพของประชาชน ที่เอาแต่แข่งกันโดย ที่ไม่สนใจคู่แข่งแข่งขันกันเองแล้ว ต้องเลิกกิจการไปในที่สุด น่าคิดนะครับ

ขอขอบคุณที่มา สมาชิกพันทิพ คุณ ทองเนื้อเก้า, bitcoretech

Check Also

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า 1 งานนี้ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบ แม้ไม่ใช่งาน ในค…