Home แนวคิดชีวิต สละเวลาอ่าน คนที่ไม่มีลูกแก่ตัวไปแล้วใครจะดูแล

สละเวลาอ่าน คนที่ไม่มีลูกแก่ตัวไปแล้วใครจะดูแล

6 second read
0
2,164
สละเวลาอ่าน คนที่ไม่มีลูกแก่ตัวไปแล้วใครจะดูแล

สละเวลาอ่าน คนที่ไม่มีลูกแก่ตัวไปแล้วใครจะดูแล

การมีลูกเพื่อหวังจะให้ พวกเขาเลี้ยงดูใน ย า ม แก่นั้นเป็นแนวคิด

ของคนสมัยก่อน ที่มีสืบกันมานานมาก ซึ่งก็มักจะเป็น แบบนั้นจริง ๆ เสียด้วย

ในสังคมของเรา แต่ว่าหากจะมองในความเป็นจริง แล้วมันยังจะใช้ความคิด

แบบนี้ได้อยู่ไหม มีลูก ตอนแก่จะได้มีคนเลี้ยงดู ซึ่งมันจะแปลได้อีกทางว่า

หากลูกไม่ยอมเลี้ยงดูคือ อกตัญญูอย่ างนั้นหรือ ในความเป็นจริงมันเป็น

ความเห็นแก่ตัวของ คนเป็นพ่อแม่กันแน่ ลองมาอ่านกันดู ในปัจจุบันนี้

ก็มีคนแก่ชราหลายคน มากที่เข้ากับครอบครัวของลูก ๆ ไม่ได้ บางทีความคิด

แบบเดิมมันอาจจะ ต้องปรับแล้วก็ได้ ทำไมไม่คิดว่าอย ากจะให้ลูกเลี้ยงดู

ในตอนแก่เป็นการ ดูแลตัวเองได้ใน ตอนแก่บ้าง จะเอาสมัยก่อนกับปัจจุบัน

มาเที่ยวกันมันไม่ได้ ที่พ่อแม่มีลูกตั้ง หลายคนยังเลี้ยงได้ ทำไมลูกเลี้ยง

พ่อแม่บ้างไม่ได้ ซึ่งมันก็อาจจะน่าคิด แต่ลองมองถึงค่า ครองชีพและการใช้ชีวิต

ของมนุษย์ในปัจจุบัน สิมันเหมือนสมัยก่อนงั้นหรือ เรามีเรื่องราวน่าอ่าน

และ อ ย า ก ให้ทุกคนทำความเข้าใจตาม ทั้งในมุมของคนเป็นพ่อแม่

และในมุมของ ความเป็นลูก เรื่องราวมีดังนี้ มีคุณแม่คนหนึ่ง สามีเสียไปนานแล้ว

เธอสอนหนังสือ หาเงินเลี้ยงลูกชายจนโต เขาเป็นคนเชื่อฟัง ตั้งแต่ตอนเล็ก พอลูกโต

เธอก็ส่งลูกไปเรียนอเมริกา พอลูกเรียนจบก็อยู่ทำงานต่อ ที่อเมริกาหาเงินซื้อบ้าน

แต่งงาน มีลูกหนึ่งคน สร้างครอบครัวที่แสนสุข ตัวเธอเองคิดถึง ประโยคที่ว่า

มีลูกจะได้มี คนเลี้ยงตอนแก่ คิดถึงสายตาอิจฉาของญาติๆ และเพื่อนฝูง

เธอมีความสุขจากใจ ระหว่างรอจดหมาย ตอบจากลูกชาย เธอก็จัดการเรื่องบ้าน

และงานจนเรียบร้อย คืนสุดท้ายก่อนเธอจะเกษียณ เธอก็ได้รับจดหมาย

ที่ส่งมาจาก อเมริกาของลูกชาย พอเปิดออกดูข้างใน ก็เป็นเช็คมูลค่า 3 หมื่นเหรียญดอลล่าร์

เธอรู้สึกแปลกใจมาก เพราะลูกชาย ไม่เคยส่งเงินให้เธอมาก่อน เธอรีบเปิดจดหมาย

ออกอ่าน ในจดหมายเขียนว่า แม่ครับ พวกเราได้คุยกันแล้ว ตัดสินใจ และสรุปว่า

พวกเราไม่ยินดีให้แม่มา อยู่ด้วยกันที่อเมริกา ถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุญ คุณที่เลี้ยงดูผมมา

คำนวณตามราคาตลาด ก็ประมาณ 2 หมื่นกว่าเหรียญ ผมก็เลยเพิ่มให้นิดหน่อย

แล้วส่งเช็ค 3 หมื่นมาให้แม่ หวังว่าต่อไปนี้แม่ จะไม่เขียนจดหมายมาอีก

แม่อ่านจดหมายฉบับนั้น จบก็น้ำตาไหลพราก รู้สึกว่าตัวเองเป็น ม่ายมาตลอดชีวิต

จากนี้ไปต้องแก่ อ ย่ า ง โดดเดี่ยว เธอ เ จ็ บ ป ว ด จนไม่ อ ย า ก มีชีวิต ต่อมาเธอก็ศึกษา

พระพุทธศาสนา หลังศึกษา เธอก็คิดได้ เธอใช้เงิน 3 หมื่นเหรียญเอาไปเดินทาง

เที่ยวรอบโลก ได้เห็นสิ่งใหม่ๆมากมาย หลังจากนั้นเธอ จึงเขียนจดหมายหนึ่ง

ฉบับถึงลูกชาย ในจดหมายว่า ลูกรัก ลูกไม่ อ ย า ก ให้แม่เขียน จดหมายมาอีก

ก็ถือซะว่าจดหมายฉบับนี้ เป็นข้อความเพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วละกัน แม่ได้รับเช็คแล้ว

และใช้เงินจำนวนนั้น ไปเดินทางรอบโลก ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว อยู่ๆแม่ก็รู้สึกว่า

แม่ควรขอบใจลูก ขอบใจที่ทำให้แม่ เห็นอะไรทะลุปรุโปร่ง ปล่อยวาง ทำให้แม่

ได้เห็นว่าความสัมพันธ์ ในครอบครัว เพื่อน และคนรักไม่มีรากหยั่งลึก เปลี่ยนแปลงได้เสมอ

ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึด ติ ด ยัง ทุ ก ข์ อยู่ แม่คงสิ้นลมหายใจ ไปภายในปีครึ่งปี

การปฏิเสธของลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่า คนเรามีวาสนาก็ได้เจอ หมดวาสนาก็จากกัน

ทุก อ ย่ า ง ไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ ที่จะสงบและใจเย็น มองทุก อ ย่ า ง ในเชิงบวก

แม่ไม่มีลูกแล้ว ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง เพราะงั้นแม่ถึงสามารถ อยู่ได้โดยไม่มีมัน

พ่อแม่ที่น่า ส ง ส า ร คนเป็นพ่อแม่ อ ย า ก มอบสิ่งที่ดีที่ สุดให้ลูก แต่สุดท้ายแล้ว

สิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่ดี ที่สุดมีคนกล่าวไว้ว่า บ้านของพ่อแม่คือบ้าน ของลูกตลอดเวลา

บ้านของลูกไม่เคย เป็นบ้านของพ่อแม่ การให้กำเนิดลูกเป็น งานที่ต้องทำการ

เลี้ยงดูลูกเป็นภาระหน้าที่ การพึ่งพาลูกเป็น ความเข้าใจผิด ช่างเป็นเรื่องราว

ที่ไม่น่าฟัง แต่ก็ไม่ฟังก็ไม่ได้ แม้ว่าไม่ใช่ลูกทุกคนจะเป็น เหมือนลูกชายในเรื่องที่

ไม่ มี หัว ใ จ แต่คนเป็นพ่อแม่ ไม่ควรคิดว่าแก่แล้ วจะพึ่งพาลูก พูดกันตามตรง

แก่แล้วต้องดูแลตัวเอง ลูกกตัญญูต่อ คุณถือเป็นบุญ ถ้าลูกกตัญญูไม่พอ พ่อแม่

ก็บังคับไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ วางแผนชีวิตพึ่งพาตัวเองตอนแก่ไว้ จากมุมมองของสังคม

การมีลูกจะได้มีคนเลี้ยง ตอนแก่เป็นความปรารถนาในใจ แต่ในยุคปัจจุบัน

เศรษฐกิจ สังคม วัตถุนิยม วิถีการดำเนินชีวิต ที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ในปัจจุบันคือ

คนยุคใหม่เปลี่ยนไป คนอายุมากยังยึดติด การที่คนอายุมาก ยึดแนวความคิด

ว่ามีลูกจะได้มีคนเลี้ยง ตอนแก่ไม่เหมาะสม กับอีกต่อไป สิ่งที่ตามมา

คือ โ ศ ก น า ฏ ก ร ร ม พ่อ แม่ ทวงบุญคุณกับลูก ได้แต่มันไม่ใช่ลูกทุกคน

ที่มีศักยภาพพอ ที่จะดูแลพ่อแม่ได้ เพราะเพียงแค่ชีวิต และครอบครัว

ของเรามันก็ ต้องดูแลเช่นกัน การวางแผนดูแลตัวเอง ตอนแก่จึงเป็นสิ่งที่

คนเป็นพ่อ แม่คนควรวางแผน และ อ ย่ า ฝากความหวัง ทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่ลูกได้แล้ว

มันไม่ใช่ความผิด ของลูกที่ดูแลคุณไม่ได้ แต่มันผิดที่ คุณที่ไม่ยอม

ดูแลตัวเอง ต่างหาก ฝากไว้ให้คิดกันนะ

ขอขอบคุณที่มา Liekr, blockdit

Check Also

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า 1 งานนี้ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบ แม้ไม่ใช่งาน ในค…